วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ 13

The Healthy Classroom : ----------- โดย อาจารย์อภิชาติ วัชรพันธุ์               แนวคิดของ Steven Hastings (2006) จากหนังสือที่ชื่อว่า
       ในวันนี้ กล่าวถึงความสำคัญของ "The Complete Classroom" โดย Hasting ได้เสนอแนะว่า "ห้องเรียนคุณภาพ/ห้องเรียนที่สมบูรณ์แบบ" น่าจะมีลักษณะที่สำคัญ 3 องค์ประกอบ คือ 1) The Healthy Classroom....เป็นห้องเรียนที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน 2) The Thinking Classroom....เป็นห้องเรียนที่เน้นการส่งเสริมด้านการคิดวิเคราะห์ หรือพัฒนาการทางสมอง และ 3) The Well-Rounded Classroom....ห้องเรียนบรรยากาศดี The Healthy Classroom เพราะในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวเรื่องนักเรียนโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง จุดไฟเผาอาคารเรียน-อาคารห้องสมุดของโรงเรียน(ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงเรียนช้า เพราะคิดว่าไม่เกิดผลดีทั้งต่อโรงเรียนและเด็ก) ซึ่งผมคิดว่าปัญหาส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากการจัดการเรียนการสอนในประเทศของเรา โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมสูง จะเน้นในความเป็น “The Thinking Classroom” หรือห้องเรียนที่เน้นด้านสมอง ด้านวิชาการมากเป็นพิเศษ ทาให้ลดโอกาสในการสร้าง “The Healthy Classroom” : ห้องเรียนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน การเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าเป็นการเสียหายที่น้อยมาก คือ เสียอาคารเพียงหลังเดียวและคุ้มค่ามาก หากเราจะได้บทเรียนและหันมาทบทวนกันอย่างจริงจังในเรื่องความเป็นห้องเรียนสุขภาพดี ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียนเพื่อลดโอกาสความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต  ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพื่อสักวันหนึ่ง เราจะต้องไม่มานั่งเสียใจกับปัญหานักเรียนทำร้ายร่างกายตนเอง นักเรียนฆ่าตัวตาย หรือนักเรียนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทาร้ายผู้อื่น/ทาลายสิ่งของ        
คำถามที่ผมอยากให้ทุกคนร่วมกันคิด โดยเฉพาะผู้จะเป็นครู คือ
        
จากคำถามดังกล่าวให้สรุปและตอบลงในบล็อกของนักศึกษา
1) ในปัจจุบัน เด็กไทย(รวมถึงผู้ใหญ่ไทย) มีสุขนิสัยที่ดี ในเรื่องพฤติกรรมการบริโภค พฤติกรรมสุขภาพ ที่เหมาะสมหรือไม่ เพียงใด
เหมาะสม  เพราะว่าในปัจจุบันนี้เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการแนะนำให้หันมาดูแลใส่ใจในเรื่องพฤติกรรมการบริโภค เรื่องสุขภาพอนามัยโดยมีการจัดเต้นแอโรบิกตามสถานที่ต่างๆของแต่ละพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมและรวมถึงเรื่องการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
2) ในปัจจุบันเด็กไทย(รวมถึงผู้ใหญ่ไทย) มีกีฬาประจำตัว มีปฏิทินการออกกำลังกาย และได้ออกกำลังกายตามปฏิทินอย่างจริงจัง มากน้อยเพียงใด(ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล แพทย์ไทย มักจะถาม    คำถามว่า มีโรคประจำตัวอะไรบ้างแต่ไม่เคยถามว่า หนู มีกีฬาประจำตัวหรือไม่ มีปฏิทินออกกำลังกายไหม)
ไม่มี เพราะว่าในปัจจุบันนี้เด็กไทยกับผู้ใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญและสนใจที่จะออกกำลังกายอาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาว่างหรือขี้เกลียด
3) เด็กไทยมีความสามารถในการบริหารสุขภาพจิต การควบคุมอารมณ์ หรือการพัฒนาบุคลิกภาพหรือไม่ เพียงใด(ดูได้จากบรรยากาศการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในทันทีที่มีการประกาศผลการแข่งขัน จะมี 1 ทีมที่ร้องให้ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้)  มีแต่น้อย เพราะอารมณ์ของคนเราไม่สามารถบังคับจิตใจกันได้เมื่อมีแพ้ก็ย่อมเสียใจเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคนแล้วแต่จะแสดงออกมาแบบไหน
4) ขณะนี้โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กพอ ๆ กับ การส่งเสริมด้านวิชาการหรือไม่ โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับค่านิยมสูง(มีชื่อเสียง)
มีแต่น้อย เพราะว่าเด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ได้รับค่านิยมสูงก็สามารถปรับตัวและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่แล้วคุณครู อาจารย์ไม่ต้องไปบังคับในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพของเด็กจิตใจเพราะบางครั้งอาจารย์ก็ไม่มีเวลาให้กับเด็กมีทั้งงานและภารกิจส่วนตัว
5) เมื่อเปิดภาคเรียน ภายใน 2 สัปดาห์แรก ครูประจำชั้นได้ทำความรู้จักกับนักเรียนมากน้อยเพียงใด มีการจำแนกเด็กนักเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยง-กลุ่มปกติหรือไม่ (กลุ่มเสี่ยงหมายถึง ผลการเรียนอ่อน สุขภาพไม่ดี มีปัญหาทางครอบครัว รวมถึงมีผลการเรียนดีมาก เกรดเฉลี่ย 4.00 มาโดยตลอด ซึ่งจะเสี่ยงในเรื่องความเครียด)
ครูประจำชั้นไม่คอยจะจำแนกเด็กอาจเป็นเพราะว่าเด็กมีจำนวนมากหรือครูประจำชั้นไม่ค่อยมีเวลาว่างที่จะพูดคุยกับเด็กถ้ามีก็จะถามประวัติเด็กก่อน จะถามชื่อที่อยู่แต่ไม่ค่อยจะถามเรื่องสุขภาพของเด็กและเรื่องการเรียนของเด็กว่าเด็กมีผลการเรียนที่ผ่านมาเป็นเช่นไรเด็กมีปัญหาทางบ้านไหม?นี้คือสิ่งสำคัญที่ครูในอนาคตต้องทำความเข้าใจกับเด็กให้มากและควรจะต้องดูแลเอาใจใส่เด็กให้มากขึ้นกว่านี้และ เด็กจะได้รู้สึกผูกพันกับครูมากขึ้นและมีความสุขในการเรียน
6) ครูประจำชั้น หรือโรงเรียนได้จัดระบบดูแล-ช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยงอย่างไรบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิต(สมัยที่ผมเป็นครูประจำชั้น ผมจะประกาศรายชื่อผู้ช่วยอาจารย์ประจำชั้นโดยเลือกจากนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้นักเรียนเหล่านี้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับครู มีการประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง)
มีแต่ไม่มากนัก  เพราะโรงเรียนส่วนใหญ่เน้นในด้านวิชาการทำให้เด็กกลุ่มเสี่ยงต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาสังคมต่อไป     
 7) โรงเรียนมีการพัฒนารายวิชา(วิชาเลือก/วิชาเพิ่มเติม) ที่เกี่ยวข้องกับ การควบคุมอารมณ์ การพัฒนาบุคลิกภาพ การบริหารจัดการกับปัญหาสุขภาพจิต ฯลฯ หรือไม่(หลักสูตรประเทศสิงค์โปร์ เด็กอนุบาล ต้องเรียนวิชา การควบคุมอารมณ์”)  ควร เพราะการจัดรายวิชาเลือกให้เด็กได้ควบคุมอารมณ์ทั้งทำให้เด็กได้เลือกรายวิชาที่ตนเองชอบและถนัดเด็กก็จะได้มีความสุขในการเรียนมากขึ้น   
8) โรงเรียนมีการประเมินมาตรฐานด้าน สุขภาพกาย และสุขภาพจิต เป็นระยะ ๆ อย่างจริงจังมากน้อยเพียงใด
 มีน้อยมาก  เพราะว่าครูส่วนใหญ่จะเน้นที่วิชาการมากกว่าคำนึงถึงสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กบางครั้งทำให้เด็กสนใจการเรียนมากกว่าสุขภาพกายแลสุขภาพจิตของตัวเอง
 
9) โรงเรียนมีแบบประเมิน/แบบสังเกตภาวะสุขภาพกาย สุขภาพจิตของนักเรียน เพื่อครูประจำชั้น และ พ่อแม่ใช้ในการสังเกต-ประเมินนักเรียนในความรับผิดชอบ หรือบุตรหลานของตนเอง หรือไม่ ฯลฯ
มีแต่ไม่ทั่วถึง  เพราะว่าแบบประเมินบางครั้งมีไม่เพียงพอเพราะมจำนวนเด็กมีจำนวนมากทำมาไม่พอทำให้เด็กบางคนไม่ได้ประเมินเลยมองเห็นสภาพปัจจุบัน-ปัญหาในการจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือของประเทศไทยในเรื่องการพัฒนาเด็กแบบไม่สมดุลที่เน้นการพัฒนาด้านวิชาการ มากกว่าการพัฒนาด้านสุขนิสัยสุขภาพกายสุขภาพจิตซึ่งเป็นเรื่องสำคัญจากการศึกษาแนวคิดเรื่อง The Healthy Classroom Hasting(2006) ได้เขียนถึงปัญหาการบริโภคอาหารไร้คุณภาพ (Junk Food) ปัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศ ปัญหาการทำร้ายร่างกายตนเองปัญหาการฆ่าตัวตายของเด็ก ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ชักจะเข้าใกล้ประเทศเรามากยิ่งขึ้นทุกวันยกเว้นเราจะมีการทบทวนสภาพปัญหาเหล่านี้กันอย่างจริงจังฉันเชื่อว่าจะนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์หรือแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอนทางเลือกเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตนักเรียน


       
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น